"บ้านบางพลับ" ทัวร์นอกฮิต...ท่องเที่ยวชุมชน
บ้านสวนบรรยากาศร่มรื่นไปด้วยเกษตรแบบผสมผสานในพื้นที่ 15 ไร่ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ศูนย์เรียนรู้มหาวิทยาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่นสมุทรสงคราม อย่างเต็มรูปแบบ เปิดให้ทัวร์ไทยและทัวร์นอก นิสิตนักศึกษา เข้ามาเรียนรู้ ชูวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม อันเป็นอัตลักษณ์ ผสมผสานกับธรรมชาติแบบลงตัว และให้นักท่องเที่ยวได้ปฏิบัติ เรียนรู้จริงนอกชั้นเรียน
ปัจจุบันกระแสการท่องเที่ยวชุมชน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงเกษตร กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ส่งผลดีต่อการกระจายรายได้สู่ชุมชนที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่กำลังผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ศูนย์เรียนรู้มหาวิทยาลัยภูมิปัญญาท้องถิ่นสมุทรสงคราม เป็นอีกหนึ่งโมเดลต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ สามารถสร้างรายได้เข้าชุมชน เปิดโอกาสให้ชาวบ้านนำสินค้าท้องถิ่นมาวางจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้
"สมทรง แสงตะวัน" ประธานศูนย์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านบางพลับ หมู่ 4 ตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จุดเริ่มต้นของการตั้งศูนย์เกิดจากตนมีบ้านสวน และได้ทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกมะพร้าวน้ำหอม ส้มโอ และพืชชนิดอื่น ๆ ต่อมามีนักท่องเที่ยวสนใจเข้ามาเรียนรู้การทำเกษตรในสวนผสมผสาน แนวโน้มมีสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงได้เปิดการเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ พร้อมทั้งดึงคนในหมู่บ้านเข้ามาเป็นเครือข่ายด้วย ซึ่งตลาดตอบรับดีมาก แบ่งสัดส่วนเป็นตลาดคนไทย 80% เช่น กลุ่มนักศึกษาในเขตภาคกลาง ให้ความสนใจเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้นทุกปี และต่างชาติ 20% โดยเฉพาะทัวร์ฝรั่งเศส อาเซียน จีน และญี่ปุ่น กำลังมาแรง
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ตามฐานต่าง ๆ ที่มีให้เลือกเรียนรู้ถึง 20 ฐานการเรียนรู้ เช่น ฐานการเรียนรู้การทำน้ำตาลมะพร้าว การปลูกส้มโอไร้สารพิษ การทำขนมไทยพื้นบ้าน ขนมไทยในวรรณคดี การทำผลไม้กลับชาติ การเผาถ่านได้น้ำส้มควันไม้ การเพาะถั่วงอกมือถือ การแกะกะลามะพร้าวเป็นซอ การทำนาเกลือ การเรียนรู้สวนมะพร้าว เป็นต้น ซึ่งจะใช้บุคลากรในชุมชนมาถ่ายทอดความรู้ และแบ่งสัดส่วนรายได้ นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ได้ตามความสนใจ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดใช้ในชีวิตจริงได้
สำหรับค่าบริการจะคิดเป็นฐานการเรียนรู้ละ 600 บาท/คน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมปั่นจักรยานชมธรรมชาติในสวน ล่องเรือ ปลูกป่าชายเลน และยังมีโฮมสเตย์บริการกว่า 14 หลัง สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 100 คน ซึ่งห้องพักจะมีราคา 350/คน และหากมาเป็นกลุ่มและต้องการเช่าบ้านพักหลังละ 1,000 บาท ยอดนักท่องเที่ยวเข้ามาที่ศูนย์หลายหมื่นคนต่อปี สร้างรายได้ให้กับชุมชนหลายสิบล้านบาท และอนาคตคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นจากปัจจัยบวกเทรนด์การท่องเที่ยววิถีชุมชนกำลังมาแรง
อย่างไรก็ตามผลไม้เช่นส้มโอมะพร้าวจะส่งออกและจำหน่ายในตลาดได้ทั้งปี แต่จะออกสู่ตลาดสูงสุดช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ สารทจีน ตรุษจีน สงกรานต์ เพราะสามารถควบคุมให้ผลผลิตออกได้ตามที่ต้องการ
นี่คืออีกหนึ่งโมเดลของการท่องเที่ยวชุมชนที่ประสบความสำเร็จการันตีด้วยหลายรางวัลเป็นต้นแบบที่ชุมชนอื่นๆสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้แต่ต้องมีระบบการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งเป็นอีกทางรอดในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก : ประชาชาติธุรกิจ
แสดงความคิดเห็น