"สมคิด"สั่งรื้อรายได้ท่องเที่ยวปี′59 ททท.ชู"เที่ยวช่วยไทย"ลุ้นเงินล้านดันเป้า 2.46 ล้านล.
"สมคิด" รื้อเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี′59 เคาะตัวเลขใหม่ที่ 2.46 ล้านล้านบาท หวังชดเชยรายได้ส่งออก รุกแผนลงทุนแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น ปั้น "1 ตำบล 1 แหล่งท่องเที่ยว" หนุนความยั่งยืน ด้าน "ททท." อัดแผนควิกวิน ดันโครงการ "เที่ยวช่วยไทย" ขายแพ็กเกจเที่ยวลุ้นเงินล้านทุกเดือน พร้อมผุดไอเดียแจกรถ-บ้านรายไตรมาส กระตุ้นมู้ดเที่ยวคึกคักตลอดปี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อ 11 มกราคมที่ผ่านมาว่า ในปี 2559 ภาคการท่องเที่ยวจะต้องมีบทบาทมากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อให้มีศักยภาพในการสร้างรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อนำรายได้ไปชดเชยส่วนอื่นที่มีปัญหา เช่น ภาคการส่งออก โดยกระตุ้นผ่านแผนระยะยาวและระยะสั้น (ควิกวิน) เพื่อจูงใจให้คนออกไปเที่ยว ทั้งตลาดไทยเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
"คาดว่าปีนี้ท่องเที่ยวไทยจะทำได้ดี หลังจากปี 2558 ทำรายได้ทะลุเป้า โดยการประชุมระดมสมองจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ททท. สมาคมท่องเที่ยวต่าง ๆ และภาคเอกชนครั้งนี้ ช่วยกันผลักดันการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างดีที่สุด และอยากให้ภาคการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักขับเคลื่อนการค้าขายในประเทศ"
ลงทุนแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น
สำหรับประเด็นที่ได้หารือกันมี 2 เรื่องหลัก เรื่องแรกคือ การลงทุนเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยในช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดีแบบนี้ เป็นช่วงที่สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เน้นการเติบโตจากภายใน เพราะที่ผ่านมาไทยมีการเติบโตด้านท่องเที่ยวสูงมาก แต่ยังเน้นการพัฒนาค่อนข้างน้อย โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องการคือการลงทุนภาคการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ถ้าเป็นไปได้อยากเห็น "1 ตำบล 1 แหล่งท่องเที่ยว" ที่จีรังยั่งยืน
"ปีนี้เราจะปักหลักเรื่องการลงทุนแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นเป็นพิเศษ เป็นการหยิบของที่มีอยู่ขึ้นมาพัฒนา เพราะที่ผ่านมาเรายังขาดการเจียระไนแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างสตอรี่ เพื่อหนุนให้เกิดการลงทุนเพื่อกระตุ้นเม็ดเงินการจับจ่ายใช้สอย ถือเป็น Agenda Approach ที่ต้องทำให้สำเร็จ เพราะท่องเที่ยวเป็นเรื่องใหญ่"
ส่วนงบประมาณจะใช้เท่าไหร่นั้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเป็นคนประสาน โดยหวังว่าการลงทุนแหล่งท่องเที่ยวระดับท้องถิ่น จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตร ก่อให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น ถ้าตรงนี้เราทำได้เร็วพอ เม็ดเงินที่ลงทุนไปจะทำให้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมดีขึ้น
เรื่องที่ 2 คือ นโยบายกระตุ้นการลงทุนด้านการท่องเที่ยวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต่อไปจะมีนโยบายจูงใจภาคเอกชนให้ไปลงทุนด้านท่องเที่ยว เช่น โรงแรม และแหล่งท่องเที่ยว เน้นกระจายให้ไปลงทุนในท้องถิ่น
"การลงทุนท่องเที่ยวในตัวจังหวัดนั้นสำคัญมาก ต้องมีการสร้างสรรค์กิจกรรมท่องเที่ยวขึ้นมา และให้เห็นโมเมนตัมที่ดีในแต่ละช่วง อย่างเช่น ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ต้องอัดอีเวนต์กันอย่างต่อเนื่อง ในจังหวัดอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากจังหวัดหลัก เพื่อส่งโมเมนตัมที่ดีแก่ครึ่งปีหลัง"
ปรับเพิ่มเป้ารายได้ 2.46 ล้าน ล.
ขณะที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่ประชุมได้ปรับเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวไทยปี 2559 จาก 2.3 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 2.46 ล้านล้านบาท โดยจะเน้นเพิ่มรายได้จากตลาดไทยเที่ยวไทยมากขึ้น จากการเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวตามโครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส และโครงการเขาเล่าว่า และการเพิ่มแพ็กเกจท่องเที่ยวนำมาขาย เพื่อให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
รวมถึงการเพิ่มมิติสินค้าประเภทใหม่ ๆ ของการท่องเที่ยว เช่น แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวทางน้ำ การท่องเที่ยวชุมชน เป็นต้น พร้อมกระตุ้นตลาดการจัดประชุมสัมมนา ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และจัดแสดงสินค้า (ไมซ์) ให้เป็นศูนย์กลางของอาเซียน
ดึงเศรษฐี CLMV เที่ยวไทย
นอกจากนี้ยังเตรียมเจรจากับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อขอให้ลดค่าธรรมเนียมขึ้นลงจอดเครื่องบิน ให้กับสายการบินผู้ให้บริการเส้นทางบินในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) เพื่อดึงกลุ่มเศรษฐีจาก 4 ประเทศนี้เข้ามาจับจ่ายในไทย
และเตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง และกรมสรรพากร เพื่อพิจารณาแนวทางให้นักท่องเที่ยวไทยที่ใช้บริการเส้นทางบินในประเทศซื้อสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ที่สนามบินได้ จากเดิมที่นักท่องเที่ยวไทยสามารถซื้อสินค้าดิวตี้ฟรีได้ก็ต่อเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย หลังจากเห็นความสำเร็จของมาตรการช็อปช่วยชาติ เมื่อช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า เป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวปี 2559 ซึ่งเดิมตั้งไว้ 2.41 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.56 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากตัวเลข 1.44 ล้านล้านบาทของปีที่แล้ว ส่วนตลาดในประเทศ ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 8.5 แสนล้านบาท เป็นการปรับเพิ่มจากเป้าหมายเดิม ซึ่งตั้งไว้ 8.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้ปีที่แล้ว ซึ่งปิดไป 7.9 แสนล้านบาท
"เมื่อทุกฝ่ายมีแผนผลักดันที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศทำให้มั่นใจว่ารายได้ของปีนี้จะขยับขึ้นได้อีกราว 5 หมื่นล้านบาทเป็น 2.46 ล้านล้านบาทได้"
อัดเที่ยวลุ้นล้าน/แจกบ้าน-รถ
สำหรับแผนกระตุ้นตลาดในประเทศที่ ททท.วางไว้ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ภายใต้แนวคิด "เที่ยวช่วยไทย" มี 3 โครงการย่อย ได้แก่ 1.โครงการเที่ยวลุ้นล้าน ผ่านการออกแบบแพ็กเกจท่องเที่ยวให้คนซื้อมีสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัลใหญ่ โดยทุก ๆ 1,000 บาทของค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ลุ้นโชคเงินล้านทุกเดือน และในแต่ละไตรมาส อาจมีรถยนต์หรือบ้านเป็นรางวัลใหญ่
2.โครงการเกิดมาเที่ยว โดยขอความร่วมมือโรงแรมและที่พักลดราคาห้องพักให้กับนักท่องเที่ยวในคืนที่ตรงกับวันเกิด 50% พร้อมรับส่วนลด 50% สำหรับคืนที่ 2 เป็นต้นไป และ 3.โครงการเที่ยวไม่รู้จบ ให้สวัสดิการท่องเที่ยว ยิ่งเที่ยวยิ่งลด รวมถึงโปรแกรมสะสมประสบการณ์
นอกจากนี้ยังมีโครงการเที่ยวไทยสุดมันส์วันหยุดยาว ซึ่งรัฐบาลอยากให้มีอีเวนต์ใหญ่ ๆ เช่น การจัดคอนเสิร์ตระดับโลกมีฉากหลังเป็นโบราณสถาน, ถนนคนกิน, เวิลด์ สปอร์ต อีเวนต์ และงานเคานต์ดาวน์ รวมถึงการออกแบบแพ็กเกจเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มนักเรียน นักศึกษา การท่องเที่ยวเชิงให้รางวัล (อินเซนทีฟ) กลุ่มวัยเกษียณ ซึ่ง ททท.จะขอที่นั่งจาก 5 สายการบินหลักเป็นจำนวนพิเศษ จากการบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส ไทย แอร์เอเชีย นกแอร์ และไทยไลอ้อนแอร์
อีกโครงการคือ การเพิ่มเสน่ห์การท่องเที่ยวท้องถิ่น (โลคอล แพสชั่น) ทั้งสถานีริมทางสุขใจ, พัฒนาเส้นทางแอ่งท่องเที่ยว, ลายแทงอาหารถิ่น, อินดัสเทรียล ทัวริสซึ่ม แมป และการประดับไฟแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถาน เป็นต้น
prachachat
:)
ตอบลบ