ททท.กางแผนเอ็มโอยู 6 สายการบินยักษ์รายภูมิภาค ปักหมุดทำตลาดครอบคลุมตลาดระยะไกลทั่วโลก จับมือ “อีวีเอ แอร์”ใช้เครือข่ายเจาะอเมริกา
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการตั้งเป้ารายได้ตลาดต่างประเทศในปี 2560 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% วางกลยุทธ์ความร่วมมือสายการบินซึ่งมีส่วนสำคัญในการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ตามการลงทุนขยายเครือข่ายเส้นทางที่เพิ่มมากขึ้นในทุกจุดหมายทั่วโลก โดยล่าสุด ททท.ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับสายการบินอีวีเอ แอร์เวยส์ เพื่อร่วมมือด้านการตลาดส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยเฉพาะเส้นทางจากทวีปอเมริกาเหนือที่เชื่อมต่อ 6 เส้นทางหลัก แบ่งเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา 6 เมือง ได้แก่ ลอสแองเจลิส, ซานฟรานซิสโก, ซีแอตเติล, นิวยอร์ก, ฮิวสตัน, ชิคาโก และ 2 เส้นทางจากแคนาดา คือ แวนคูเวอร์ และโตรอนโต ซึ่งมาสอดคล้องกับแผนการที่ ททท. กำลังจะเปิดสำนักงานใหม่ที่โตรอนโตในปี 2560 พอดี
ด้านนายเคน ชุง ผู้ช่วยรองประธานอาวุโส แผนกการจัดการรายได้และฝ่ายดูแลผู้โดยสาร สายการบินอีวีเอ แอร์เวยส์ กล่าวว่า ได้ขยายเส้นทางทั่วโลกโดยมีฐานปฏิบัติการการบินที่กรุงไทเปของไต้หวัน บินไปยัง 94 เส้นทางทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 82 เส้นทางในปีที่ผ่านมา ทุกเส้นทางมีอัตราบรรทุกเฉลี่ยสูงกว่า 80% ขึ้นไป แต่สำหรับเส้นทางที่เชื่อมโยงจากอเมริกาเหนือมายังกรุงเทพฯ มีอัตราเฉลี่ยสูงกว่า 84% และปัจจุบันครองส่วนแบ่งผู้โดยสายจากภูมิภาคนี้เป็นอันดับ 1 สลับกับสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ แต่หลังจากความร่วมมือด้านการตลาดในครั้งนี้กับ ททท. เชื่อว่าจะทำให้อีวีเอแอร์สามารถขยายฐานลูกค้าทำให้ครองอันดับหนึ่งในระยะยาวได้ต่อไป
นอกจากนั้น ในปีนี้มีแผนการขยายตลาดมาไทยต่อเนื่อง โดยในเส้นทางไทเป-กรุงเทพฯ ซึ่งเพิ่มเที่ยวบินจาก 17 เที่ยว/สัปดาห์มาเป็น 26 เที่ยว/สัปดาห์ในปีที่ผ่านมาแล้ว ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มความถี่อีก แต่ทั้งนี้ต้องรอการเจรจากับสนามบินสุวรรณภูมิในการจัดสรรสล็อตเวลา เนื่องจากสนามบินกรุงเทพฯ มีความหนาแน่นสูงมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการขยายโอกาสคู่ขนาน จึงอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางใหม่ๆ ไปยังเชียงใหม่ และภูเก็ตด้วย
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวว่า ความร่วมมือกับอีวีเอแอร์เป็นสายการบินลำดับที่ 4 ที่ ททท.ไปเซ็นเอ็มโอยูร่วม หลังจากนำร่องร่วมมือกับเอทิฮัดในปี 2558 เป็นรายแรก และตามด้วยสายการบินเอมิเรตส์และสายการบินฟลายดูไบในปี 2559 และภายในไตรมาสแรกนี้ คาดว่าจะเซ็นเอ็มโอยูเพิ่มกับกาตาร์ แอร์เวยส์ และ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ทำให้รวมแล้ว ททท.จะมีข้อตกลงร่วมมือกับ 6 สายการบินรายใหญ่ ที่ทำตลาดครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกภูมิภาคทั่วโลกที่เป็นกลุ่มระยะไกล (Long Haul) ที่ปัจจุบันสร้างรายได้ให้ไทยเป็นสัดส่วนกว่า 35.49% เทียบกับรายได้ต่างชาติทั้งหมด
“เทรนด์ตลาด Long Haul ปัจจุบันเน้นการเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ทำให้กุญแจความสำเร็จในการทำตลาด ต้องหันมาผนึกกับสายการบินที่มีกลุ่มลูกค้าในมือและเป็นผู้ขนส่งผู้โดยสารถึงจุดหมายในไทยโดยตรง แทนที่จะมุ่งความร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยวอย่างเดียวในอดีต”
ขณะนี้มีสายการบินใหญหลายแห่งทั่วโลกติดต่อทำความร่วมมือกับ ททท. แต่การเลือกพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) ททท.จะเลือกเฉพาะสายการบินที่มีเครือข่ายตรงถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเท่านั้น เช่น สิงคโปร์ แอร์ไลนส์ ที่จะเซ็นในลำดับถัดไป มีข้อเสนอทำตลาดแอฟริการ่วมกัน ซึ่งเป็นเส้นทางที่การบินไทยเคยให้บริการแต่หยุดบินไปแล้ว ทำให้ยังมีช่องว่างในการทำตลาดอยู่
นอกจากนั้น การร่วมมือกับ 3 สายการบินใหญ่จากตะวันออกกลาง ได้แก่ เอทิฮัด, เอมิเรตส์ และกาตาร์นั้น จะเตรียมขยายข้อตกลงในการส่งเสริมตลาดร่วมในภูมิภาคอเมริกาและละตินอเมริกา ด้วย จากเดิมที่ข้อตกลงเบื้องต้นเน้นการทำตลาดภูมิภาคยุโรปเป็นหลัก เพื่อให้สอดรับกับแผนการที่ ททท.จะไปเปิดสำนักงานที่เซาเปาโล ของบราซิลในปีนี้เช่นกัน ประกอบกับทั้ง 3 สายการบินก็มีแผนขยายเส้นทางสู่อเมริกาใต้อย่างต่อเนื่อง
นายธเนศวร์ กล่าวว่า ตลาดอเมริกามีศักยภาพมากเนื่องจากเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และมีกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจคือตลาดมิลเลนเนียลส์ที่มีเชื้อสายมาจากเอเชีย ซึ่งเป็นคนรุ่นที่สองของครอบครัวที่ได้สัญชาติอเมริกันแล้ว และกำลังสนใจเดินทางกลับมายังภูมิลำเนาเพื่อท่องเที่ยวเรียนรู้ถิ่นกำเนิดของบรรพบุรุษมากขึ้น โดยเคยมีการวิจัยออกมาว่า 30% ของกลุ่มมิลเลนเนียส์ในอเมริกาเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพพร้อมเดินทางไปต่างประเทศด้วย
แสดงความคิดเห็น