โดยในส่วนของโครงการ "เมืองต้องห้ามพลาด..PLUS" และโครงการ "เขาเล่าว่า.." ได้มีการนำเสนอไปแล้วเป็นระยะ สัปดาห์นี้จึงขอนำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวในโครงการ "Outdoor Fest" ที่มีการจัดงานแสดงสินค้าอย่างเป็นทางการไปแล้วในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งสำหรับใครที่พลาดไปชมงานก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะ ททท.ภูมิภาคภาคกลาง ยังสนับสนุนกิจกรรมกลางแจ้งเหล่านี้อยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ 19 จังหวัดของภาคกลาง เอาใจผู้ชื่นชอบการผจญภัยโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของนายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า โครงการ "Outdoor Fest" เป็นการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เหมาะสำหรับทุกคนที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง โดยมีกิจกรรมให้เข้าร่วมได้หลากหลาย อาทิ การท่องเที่ยวแบบเดินป่า ปีนเขา ปั่นจักรยาน ดำน้ำ ตีกอล์ฟ ดูนก เป็นต้น
สำหรับกิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลต์ในภูมิภาคภาคกลาง คือการปั่นจักรยานท่องเที่ยว ภายใต้ "กิจกรรมชีพจรลงล้อ 9 เส้นทางภาคกลาง" และ "กิจกรรมชีพจรลงล้อ 2 ใน 4 เส้นทางภาคกลาง"
กิจกรรมชีพจรลงล้อ 9 เส้นทางภาคกลางประกอบด้วย กิจกรรม 1."สองน่อง ท่องสองฝั่งกรุงฯ" (เส้นทางจักรยานเกาะรัตนโกสินทร์ฝั่งธนบุรี) 2."ปั่นเพื่อปอด ที่โอเอซิสใกล้กรุงเทพฯ" (เส้นทางจักรยาน บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรสงคราม) 3."อันซีนเมืองประมง" (เส้นทางจักรยานจังหวัดสมุทรสาคร)
4."ลัดเลาะหมู่บ้านมอญ เกาะเกร็ดปากเกร็ด" (เส้นทางจักรยาน จังหวัดนนทบุรี) 5."สามเสน่ห์เมืองปทุมฯ" (เส้นทางจักรยานจังหวัดปทุมธานี) 6."สองน่อง ท่องสองฝั่งบางปะกง" (เส้นทางจักรยานจังหวัดฉะเชิงเทรา) 7."สองล้อท่องละโว้" (เส้นทางจักรยานจังหวัดลพบุรี) 8."อันซีนเมืองสิงห์" (เส้นทางจักรยานจังหวัดสิงห์บุรี) และ 9."จักรยาน ลำคลอง และทางรถไฟ" (เส้นทางจักรยานจังหวัดนครปฐม)
สำหรับกิจกรรมชีพจรลงล้อ 2 จำนวน 4
เส้นทาง มีเส้นทางปั่นทั้งระยะสั้นและระยะไกลให้เลือกตามความถนัด ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำมากมาย โดยเส้นทางแรก คือ "ปั่นสนุกเมืองสามน้ำ...อัมพวา", เส้นทางที่สอง "พระนครศรีอยุธยา...สองขาพาย้อนกรุงเก่า", เส้นทางที่สาม "ปั่นเรียนรู้ ดูธรรมชาติ ศึกษาประวัติศาสตร์จากคลองโคนถึงเมืองเพชร" และเส้นทางที่สี่ "สวนผึ้ง...ปั่นสบาย หลายบุคลิก"
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเส้นทางจักรยาน ภายใต้กิจกรรมชีพจรลงล้อ 9 เส้นทางภาคกลาง และกิจกรรมชีพจรลงล้อ 2 จำนวน 4 เส้นทางภาคกลาง ได้ที่เว็บไซต์ www.เที่ยวภาคกลาง.com
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง ททท. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเดือนกรกฎาคม มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน เพราะเป็นช่วงประเพณีสำคัญทางศาสนาของชาวพุทธ คือวันอาสาฬหบูชาซึ่งตรงกับวันที่ 19 กรกฎาคม และวันเข้าพรรษาซึ่งตรงกับวันที่ 20 กรกฎาคม จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศจึงส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับงานบุญที่จะเกิดขึ้น โดยในส่วนของภูมิภาคภาคกลาง ได้เชิญชวนให้ประชาชนเดินทางไปชมงานประเพณีต่างๆ ภายใต้แนวคิด "เที่ยวเข้าพรรษาภาคกลาง.ไหว้พระทำบุญ เที่ยวได้บุญ เที่ยวตามศรัทธา เที่ยวเชิงศาสนา" ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวงานบุญต่างๆ ได้ทั้ง 19 จังหวัดภาคกลาง โดยมีประเพณีที่เป็นไฮไลต์สำคัญอยู่ 3 พื้นที่ ได้แก่
ประเพณีแรกคือ ประเพณีตักบาตรดอกไม้เข้าพรรษาและถวายเทียนพระราชทาน (หนึ่งเดียวในโลก) ในวันที่ 18-20 กรกฎาคม 2559 ที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี สำหรับการตักบาตรดอกไม้ หรือ (ดอกเข้าพรรษา) คือประเพณีที่พระภิกษุสงฆ์จะรับบาตรซึ่งบรรจุดอกไม้จากประชาชนเพื่อนำไปสักการะ "รอยพระพุทธบาท" และ "พระเจดีย์มหาธาตุองค์ใหญ่" ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นพุทธบูชา
เมื่อพระภิกษุเดินลงจากพระมณฑป พุทธศาสนิกชนก็จะนำเอาน้ำสะอาดมาล้างเท้าพระภิกษุสงฆ์ เสมือนหนึ่งเป็นการชำระบาป-ได้บุญ ได้กุศล ทำให้จิตใจแจ่มใส และเป็นสิริมงคลอีกด้วย ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ททท.สำนักงานลพบุรี โทร. 0-3677-0096-7
ประเพณีที่สองคือ "แห่เทียนพรรษาทางน้ำที่ลาดชะโด" จัดขึ้นช่วงเช้าของวันอาสาฬหบูชา วันที่ 19 กรกฎาคม ที่คลองตลาดลาดชะโด อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นงานที่มีเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่นี่เท่านั้น ถือเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีไทย และย้อนรำลึกถึงอดีตอันรุ่งเรืองและทรงคุณค่าของชุมชนแห่งนี้ ดั่งถ้อยคำที่ว่า."สายน้ำแห่งชีวิต ลิขิตวิถีลาดชะโด"
ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย ประกอบด้วยขบวนเรือแห่เทียนพรรษาทางน้ำกว่า 100 ลำที่ตกแต่งอย่างสวยงามโดยฝีมือชาวบ้านในท้องถิ่น พร้อมชมวิถีชีวิตริมสองฝั่งคลอง สัมผัสความเป็นไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่นเก่าแก่ที่ยังรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ การยกยอกลางท้องทุ่งนาที่เขียวขจี, การประกวดบ้านสวนริมคลอง, การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านลาดชะโด, การแสดงภาพถ่ายวิถีชีวิตชาวลาดชะโด, การจำลองบรรยากาศตลาดน้ำย้อนยุค และชมการแสดงต่างๆ อีกมากมาย ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ททท.สำนักงานพระนครศรีอยุธยา โทร. 0-3524-6076-7
ประเพณีที่สามคือ แห่เทียนพรรษาสุพรรณ บุรี ระหว่างวันที่ 19-21 กรกฎาคม บริเวณถนนในเขตเทศบาลเมือง และวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นงานที่สืบสานวัฒนธรรมและส่งเสริมประเพณีเข้าพรรษา เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนด้วยการนำเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และโบราณสถาน โบราณวัตถุ วิถีชีวิตของชนเผ่าต่างๆ ที่อยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่สำคัญใน 10 อำเภอของจังหวัดสุพรรณบุรี มานำเสนอโดยผ่านการแกะสลักเทียนประจำพรรษา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามในช่วงเช้าวันที่ 20 กรกฎาคม 2559 ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี โทร. 0-3552-5867, 0-3552-5880
ผอ.ภูมิภาคภาคกลาง ททท. ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากที่กล่าวไปแล้วยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ งานวันเกษตรและสหกรณ์ประจวบคีรีขันธ์ จัดขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคม-2 สิงหาคม บริเวณลานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติหน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ประกวดภาพถ่าย "Unseen Selfie กรุงเก่า อยุธยามีมากกว่าที่เคยรู้" วันที่ 1 กรกฎาคม- 30 กันยายน ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, "เทศกาลกระท้อนหวานและของดีเมืองลพบุรี" ระหว่างวันที่ 6-20 กรกฎาคม หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี, "ประเพณีแห่เทียนพรรษาหนองบัว" วันที่ 18 กรกฎาคม วัดศรีอุปลาราม อำเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี, "ประเพณีแห่เทียนพรรษาห้วยกระเจา" วันที่ 18 กรกฎาคม หน้าที่ว่าการอำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี
งานวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาวัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี จัดในวันที่ 19 กรกฎาคม, วันผลไม้ของดีอำเภอทองผาภูมิและสืบสานประเพณีลานบ้านลานวัฒนธรรม วันที่ 17-19 กรกฎาคม ที่บริเวณเขื่อนวชิราลงกรณ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี, คาราวานขับรถเที่ยวภาคกลาง@สุขกลางใจใกล้แค่เอื้อม วันที่ 23-24 กรกฎาคม, แรลลี่เส้นทาง กรุงเทพฯ-ลพบุรีชัยนาท-สิงห์บุรี และละครเพลง.จากมหากาพย์รามายณะ "รามเกียรติ์ เดอะมิวสิคัล ตอนกำเนิดทศกัณฐ์" ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ตลอดเดือนกรกฎาคม ที่ Cicada Market หัวหิน
นี่คือกิจกรรมท่องเที่ยวที่จะสร้างความสุขให้แก่ทุกคน ผ่านโครงการ Outdoor Fest ในหลากหลายรูปแบบท่องเที่ยว ที่ทุกคนไม่ควรพลาด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2250-5500 ต่อ 1333-36 หรือ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย และเว็บไซต์ www.เที่ยวภาคกลาง.com
แสดงความคิดเห็น