เปิดเมืองต้องห้าม...พลาด PLUS เพชรบูรณ์ -พิษณุโลก ตรึงใจภูเขา - ดอกไม้ - สายหมอก
จังหวัดเพชรบูรณ์ นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องไร่มะขามหวานและไก่ย่างวิเชียรบุรีแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่ง "ภูดอกไม้และสายหมอก" อีกด้วย เพราะเพชรบูรณ์มีสภาพภูมิประเทศที่ประกอบด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน มีธรรมชาติสวยงาม ดังนั้น ช่วงปลายหนาวที่เหลืออีกไม่นานนี้ จึงไม่ควรพลาดที่จะเลือกไปชมความงดงามของสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนี้อย่างยิ่ง
อีกทั้งในปี 2559 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์ จาก "เมืองต้องห้าม...พลาด" มาสู่ "เมืองต้องห้าม...พลาด Plus" โดยเชื่อมโยงกับจังหวัดพิษณุโลกเกิดเป็นเส้นทาง เมืองเพชรบูรณ์ “ภูดอกไม้สายหมอก” Plus กับเมืองพิษณุโลก “เที่ยวธรรมชาติสวยงาม ภูเขา ดอกไม้ สายหมอก” เพิ่มศักยภาพของ 2 เมืองให้กลายเป็นเส้นทางที่มีความสวยงามและมีเสน่ห์ตรึงตาตรึงใจเพิ่มมากขึ้น
นางจิรารัตน์ มีงาม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก กล่าวว่า ททท.สำนักงานพิษณุโลกรับผิดชอบในการส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และพิจิตร และในปี 2559 นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เลือกจังหวัดพิษณุโลกเป็น เมืองต้องห้าม...พลาด Plus เชื่อมโยงกับจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นการกระจายความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น
“จังหวัดพิษณุโลกเป็นเมืองใกล้เคียงจังหวัดเพชรบูรณ์ มีสินค้าทางการท่องเที่ยวที่คล้ายคลึงกัน มีจุดเด่นของทะเลหมอก ดอกไม้ อากาศที่หนาวเย็นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และสามารถเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวผ่านทางหลวงหมายเลข 12 หรือ Route 12 ในพื้นที่เขาค้อ-ภูหินร่องกล้า ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งทะเลหมอกและดอกไม้ รวมทั้งงานกิจกรรมประเพณีต่างๆ ตลอดทั้งปี”
ผอ.ททท.สำนักงานพิษณุโลกเชิญชวนว่า การเดินทางในเส้นทางนี้ หากเริ่มต้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวแนะนำคือ "เขาค้อ" ตั้งอยู่ที่อำเภอเขาค้อ ซึ่งยามเช้าจะมีผู้คนเดินทางขึ้นไปสัมผัสกับทะเลหมอก หรือทะเลภูเขาที่สวยงามมาก พร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์รับความสดชื่นกลับไป ชีวิตถูกเติมเต็มด้วยพลัง จนกลายเป็นคำขวัญว่า "นอนเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1 ปี"
บริเวณเขาค้อยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงเช่น "พระตำหนักเขาค้อ" , "พิพิธภัณฑ์อาวุธ", "อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ" และ "พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก" เป็นเจดีย์สีขาวเด่นที่ผสมผสานงานสถาปัตยกรรมในหลายยุค ทั้งสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ แต่ละจุดมีเรื่องราวความเป็นมาบอกเล่าไว้ครบครัน
สถานที่อีกแห่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเขาค้อ ได้แก่ "วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วสิริราชย์ธรรมนฤมิต" หรือ "วัดพระธาตุผาแก้ว" ตั้งอยู่ที่ตำบลแคมป์สน มีสิ่งก่อสร้างที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญคือ เจดีย์รูปทรงดอกบัวซ้อน 7 ชั้น ประดับประดาไปด้วยเครื่องถ้วยเบญจรงค์ แก้ว แหวน เงินทองมากมาย ยามเมื่อกระทบแสงแดดก็จะส่องประกายระยิบระยับ ดูงดงามยิ่งนัก
จากอำเภอเขาค้อ อีกสถานที่หนึ่งที่ห้ามพลาดคือ "ภูทับเบิก" อยู่ที่บ้านทับเบิก ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า เป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปเพื่อบันทึกความทรงจำไว้ขณะอยู่บนจุดสูงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ณ ระดับความสูง 1,768 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในบรรยากาศภูมิประเทศของขุนเขาที่มีความซับซ้อนและเย็นยะเยือก โดยภูทับเบิกถือเป็นหนึ่งในภูแห่งสายหมอกเลื่องชื่อของภาคเหนือ มีเอกลักษณ์ของทิวทัศน์โดยรอบเป็นไร่กะหล่ำปลีอันกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา
นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว จังหวัดเพชรบูรณ์ยังมี "อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ" ที่เล่าเรื่องราวของอดีตเมืองศรีเทพ อายุเก่าแก่นับพันปี ภายในอุทยานแห่งนี้มี "ปรางค์ศรีเทพ", "ปรางค์สองพี่น้อง" และ "โบราณสถานเขาคลังใน" โดดเด่นด้วยฐานปูนปั้นรูปคนแคระและสัตว์ต่างๆ ที่พบเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย เหมาะสำหรับผู้สนใจเรื่องราวความเป็นมาของสถานที่
จากนั้นข้ามไปยังเส้นทางเชื่อมต่อสู่จังหวัดพิษณุโลก ผอ.ททท.สำนักงานจังหวัดพิษณุโลกแนะนำให้เริ่มต้นที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ชื่อดัง มีจุดสำคัญให้ไปแวะชมได้ เช่น “โรงเรียนการเมือง การทหาร” ซึ่งเคยเป็นสถานที่ให้การศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.), “ลานหินปุ่ม” ที่เป็นลานหินมีก้อนหินมนๆ ผุดกระจายเต็มไปทั่วลาน, “ลานหินแตก” ลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “ผาชูธง” ผาสูงวิวสวย มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล ซึ่งในอดีตพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจะขึ้นไปชูธงแดงทุกครั้งเมื่อรบชนะ
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ยังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน มีไฮไลต์หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก", “ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ “ผาสลัดรัก” เป็นแนวหน้าผาหินตั้งตระหง่านไล่เรียงกันไป ให้นักท่องเที่ยวได้ยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาแห่งผืนป่าภูหินร่องกล้า รวมทั้งยังมีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว พืชหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “สตรอว์เบอร์รี” “กาแฟพันธุ์อราบิก้า” รวมทั้ง “ดอกกระดาษ” หรือ “บานไม่รู้โรยฝรั่ง” หลากสีสันสวยงาม ทั้งแดง ส้ม เหลือง ชมพู ขาว ซึ่งสวยงามที่สุดจะอยู่ในช่วงเวลานี้
นอกจากนี้ยังมี “ภูลมโล” เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มียอดสูง 1,680 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีอาณาเขตพื้นที่ติดต่อกันถึง 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ซึ่งแม้พื้นที่ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย แต่ก็สามารถขึ้นไปเที่ยวได้จากฝั่งจังหวัดพิษณุโลก ที่ “บ้านร่องกล้า” ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่นิยมกันไปดู “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
จากนั้นมุ่งไปสู่อำเภอนครไทย อีกหนึ่งอำเภอสำคัญแห่งจังหวัดพิษณุโลก เดิมชื่อบางยาง เป็นเมืองโบราณเก่าแก่มีอายุกว่า 700 ปี ถือเป็นยุคเดียวกับกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ปัจจุบันนี้ได้สร้าง “พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” (พ่อขุนบางกลางท่าว) ให้ผู้ที่ไปเยือนสักการบูชาพระปฐมบรมกษัตริย์ไทย
ต่อด้วยไป “วัดกลาง” (วัดกลางศรีพุทธาราม) สถานที่ที่พ่อขุนบางกลางท่าวเคยใช้เป็นพื้นที่ตั้งฐานที่มั่นสั่งสมกำลังพล จนสามารถรบชนะขอมสบาดโขลญลำพง มี “ต้นจำปาขาว” 700 ปี ซึ่งเชื่อว่าพ่อขุนบางกลางท่าวเป็นผู้ปลูกและตั้งสัตยาธิษฐานว่า ถ้าตีเมืองสุโขทัยสำเร็จ ขอให้ต้นจำปาขาวไม่ตายให้ออกดอกเป็นสีขาว เจริญเติบโตคู่บ้านคู่เมือง
สถานที่ท่องเที่ยวปิดท้ายสำหรับคนที่ชอบแนวผจญภัยแบบปลอดภัยคือ “บ้านแก่งไฮ” หรือ “อ่างเก็บน้ำห้วยซำรู้” ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ไม่นานนี้ โดยมีกิจกรรม “ล่องแพแก่งไฮ” ด้วยแพไม้ไผ่ ลากโดยเรือยนต์ชมวิวทิวทัศน์ พร้อมกับรับประทานอาหารดื่มด่ำบรรยากาศบนแพ หรือใครจะมาตกปลา เล่นน้ำ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายเพราะมีชูชีพและห่วงยางไว้ให้บริการและมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
เชื่อว่า เส้นทางภูดอกไม้ สายหมอกและแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเพชรบูรณ์-พิษณุโลก จะสามารถเปิดมุมมองใหม่ สร้างความประทับใจ และเติมพลังชีวิตให้ทุกคนที่มาเยือนได้
ข้อมูลโดย สรณะ
แสดงความคิดเห็น