เลาะล้วงริมโขง "นครพนม" ท่องเที่ยวเติบโตจังหวะสโลว์ เมืองน่ารัก การันตีแฮปปี้ใจกาย
แม้ว่าการเติบโตด้านการค้าชายแดนจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่สำหรับการท่องเที่ยวนครพนมแล้ว จังหวะการเติบโตถือว่าเป็นไปอย่างเนิบ ๆ ค่อยเป็นค่อยไป ด้วยลักษณะของเมืองที่เงียบสงบ โดดเด่นเรื่องของธรรมชาติและธรรมะ นครพนมจึงเป็นเมืองเล็กที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสุขสงบ ซึ่งตรงกับผลสำรวจปี 2555 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ประกาศให้นครพนมเป็นเมืองที่คนอยู่มีความสุขที่สุด ชื่อเสียงนี้เองที่ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มหันมาสนใจเมืองเล็ก ๆ ริมชายโขงแห่งนี้
ปี′59 นักท่องเที่ยวทะยาน 1 ล้านคน
ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่มานครพนมมีการเติบโตสูงขึ้นในปี 2557 จากนั้นคงที่มาตลอดกระทั่งปี 2559 ที่คาดว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นแตะหลักล้าน สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวจังหวัดนครพนมปี 2555 จำนวน 358,227 คน ปี 2556 จำนวน 397,334 คน ปี 2557 จำนวน 745,150 คน ปี 2558 จำนวน 708,917 คน ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 9 แสนคนและอาจถึงหลักล้าน
"บุณยานุช วรรณยิ่ง" ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปี 2559 คาดว่านักท่องเที่ยวจะมากกว่าเดิม 3-5% จากการที่นครพนมได้พัฒนาเมืองมาระดับหนึ่ง รวมถึงทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน หอการค้า และ ททท. ต่างก็โปรโมตนครพนมในลักษณะเมืองแห่งความสุข เมืองแห่งสุขภาพที่นักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วจะได้ดื่มด่ำกับวิวสองแม่น้ำโขง รวมถึงพระธาตุพนม ศูนย์รวมของคนอีสาน จึงคาดว่านักท่องเที่ยวในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 9 แสนกว่าคน หรือแตะ 1 ล้านคน จะสร้างรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีพระธาตุสำหรับทุกวันเกิดที่เดินทางมาสักการะได้ ประกอบด้วย 1.พระธาตุพนม พระธาตุประจำวันเกิดวันอาทิตย์ อ.ธาตุพนม 2.พระธาตุเรณู พระธาตุประจำวันเกิดวันจันทร์ อ.เรณูนคร 3.พระธาตุศรีคุณ พระธาตุประจำวันเกิดวันอังคาร อ.นาแก 4.พระธาตุมหาชัย พระธาตุประจำวันเกิดวันพุธ อ.ปลาปาก 5.พระธาตุมรุกขนคร พระธาตุประจำวันเกิดวันพุธ (กลางคืน) อ.ธาตุพนม 6.พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุประจำวันเกิดวันพฤหัสบดี อ.นาหว้า 7.พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประจำวันเกิดวันศุกร์ อ.ท่าอุเทน และ 8.พระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเกิดวันเสาร์ อ.เมือง
ททท.ดันคนเข้าถึงแหล่งเที่ยว
ผอ.ททท.กล่าวต่อว่า อยากเชิญชวนให้ผู้ที่เกิดปีวอกมาไหว้พระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เพราะว่าพระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำปีวอก เป็นการเสริมบุญบารมี นอกจากนี้เราพยายามให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถึงแหล่งที่มีความโดดเด่นในเรื่องต่าง ๆ เช่น พระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า จะมีทอผ้าย้อมคราม ผ้าฝ้ายทอมือ และพระธาตุมรุกขนคร อ.ธาตุพนม ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าพญานาคจากองค์พระธาตุพนม 7 ตนนั้น 3 ตนจะมาดูแลพระธาตุมรุกขนครด้วย โดยชาวบ้านเชื่อว่ามีช่องทางที่พญานาคไปมาหาสู่กัน หรือพระธาตุพนม บ้านดอนนาหงส์ จะเด่นเรื่องทำบายศรี หรือขันหมากเบ็ง นักท่องเที่ยวจะได้รับรู้ว่าชาวบ้านก็มีฝีมือที่วิจิตรเหมือนกัน โดยให้มาเรียนรู้กับชาวบ้านแล้วนำขันหมากเบ็งนั้นไปไหว้พระธาตุพนม
ขณะที่ในตัวเมืองก็ยังเป็นเขตอนุรักษ์ที่จะเติบโตอย่างช้า ๆ และมีการเข้มงวดการก่อสร้างไม่เกินกี่ชั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อน เติมเต็มเรื่องสุขภาพ เป็นลักษณะสโลว์ไลฟ์ พักผ่อน สุขภาพ และดื่มด่ำกับวิวสองฝั่งแม่น้ำโขง สามารถจะนั่ง เดิน ขี่จักรยาน หรือล่องเรือชมก็ได้ ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ปรับเมือง โดยสร้างแนวเขื่อนจากวัดนักบุญอันนา ไปจนถึงบริเวณสวนท้ายเมือง สามารถปั่นจักรยานได้ประมาณ 2 กิโลเมตรกว่า ๆ แต่ถ้าจะไปถึงใต้สะพานที่เป็นจุดชมวิวอาจต้องลัดเลาะหมู่บ้านไทแสก ซึ่งมีการทำประมง มีร้านอาหารริมเขื่อน ตรงนี้เป็นการรองรับอาหารพื้นบ้าน และจุดชมวิวริมโขงด้วย
"ปัจจุบันนักท่องเที่ยวมาพักเฉลี่ย 2 คืนกว่า เราก็มีกิจกรรมที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้อยู่นานวันขึ้น โดยอาจจะนั่งรถราง หรือจะเดิน-ปั่นจักรยานก็ดี เป็นเรื่องสุขภาพ มีเครื่องออกกำลังกายริมโขง หรือว่าจะนั่งเรือก็ได้ เรือของเทศบาลออกทุก 5 โมงเย็น แต่ถ้าคณะใหญ่ก็เลือกเรือสำราญของเอกชนได้ ซึ่งตอนนี้เรายังเปิดกว้างให้เอกชนมาลงทุนตรงนี้"
นครพนมเมือง 3 ที่สุด
"ชาญยุทธ อุปพงษ์" ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม และเจ้าของเรือสำราญแม่โขงพาราไดส์ ครุยซ์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากเกิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 เมื่อปี 2554 ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะขึ้น และปี 2555-56 เราได้รับการประกาศให้เป็นจังหวัดที่มีความสุขที่สุดในประเทศไทย นครพนมก็เริ่มโด่งดัง มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดมากขึ้นปีละประมาณ 8 แสนคน
"นักท่องเที่ยวที่มาก็จะไปพูดต่อ เพราะนครพนมเป็นจังหวัดที่มี 3 ที่สุด คือ ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด พระธาตุพนม อายุยาวนาน 2 พันกว่าปี สวยที่สุด คือ สะพานข้ามแม่น้ำโขงซึ่งมีมูลค่าการส่งออกสูงที่สุดด้วย และงามที่สุด คือ วิวทิวทัศน์ ฝั่ง สปป.ลาว ที่ถูกเรียกว่า กุ้ยหลินลาว ภาพแนวภูเขาจะมีเสน่ห์ไปตามช่วงเวลา เวลามองอารมณ์จะเปลี่ยนไปเหมือนมันมีชีวิต"
ชาญยุทธ อุปพงษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม
เรือสำราญหนึ่งเดียวในแม่น้ำโขง
ปัจจุบันประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม ในฐานะนักธุรกิจรายใหญ่ของจังหวัด ได้ลงทุนราว 30 ล้านบาท สร้างเรือสำราญยาวประมาณ 47 เมตรกว้าง 8 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น รองรับผู้โดยสารได้ 250 คน ถือว่าเป็นเรือขนาดกลาง แต่ก็ใหญ่ที่สุดในแม่น้ำโขงในขณะนี้ กำหนดเรือออกเวลา 17.30-18.00 น. ใช้เวลาล่อง 2 ชั่วโมง ระยะทาง 25 กิโลเมตรเพื่อรับประทานอาหาร ดูวิถีชีวิต 2 ฝั่งโขง ค่าบริการผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
สำหรับธุรกิจนี้ ชาญยุทธบอกว่า เริ่มมีนักลงทุนต่างถิ่นให้ความสนใจบ้างแล้ว โดยมาสำรวจดูพื้นที่ ส่วนคนท้องถิ่นยังไม่ตื่นตัว ตนอยากเชียร์ให้คนทำเยอะ ๆ จะได้เป็นแม่เหล็กการท่องเที่ยว เหมือนกับเรือล่องเจ้าพระยาที่มีกี่ลำ คนก็เต็ม
"เรือสำราญแม่โขงพาราไดส์ ครุยส์ เป็นธุรกิจแรกในแม่น้ำโขงที่ให้บริการครบวงจร การท่องเที่ยวนครพนมต้องขายแม่น้ำโขง จุดแรกที่นักท่องเที่ยวตื่นเต้น คือ สายน้ำ กับวิวทิวทัศน์ ตอนนี้ทำมาเกือบ 2 ปีแล้ว เริ่มมีคนรู้จัก เราอาจจะขยายเที่ยวเดินเรือเพิ่มขึ้น เพราะทุกวันนี้ออกวันละเที่ยว เฉลี่ยลูกค้าประมาณ 40-50 คน หรือเดือนละ 100 กว่าคน ถือว่ายังน้อยมาก ตอนนี้กำลังทำการตลาดร่วมกับบริษัททัวร์ คิดว่าน่าจะดีขึ้น"
ทั้งนี้ กลุ่มที่มาใช้บริการส่วนใหญ่ยังเป็นทัวร์คนไทยที่มาไหว้พระ แล้วแวะมาล่องเรือด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการเหมาเป็นชั้นสำหรับการประชุม/สัมมนา เพื่อส่งเสริมตลาดไมซ์ หรือร้องคาราโอเกะ ในราคาชั้นละ 15,000 บาท ไม่รวมค่าอาหารและบริการ สำหรับเมนูอาหารจะเน้นปลาน้ำโขงเป็นหลัก โดยกุ๊กท้องถิ่นที่มีความชำนาญเรื่องอาหารปลา
สำหรับช่วงที่เหมาะแก่การล่องเรือนั้น ชาญยุทธบอกว่า น้ำโขงจะมีเสน่ห์ทุกฤดู หากนักท่องเที่ยวพร้อมวันไหนก็มาเลย แม้หน้าแล้งเดือนเมษายนก็สามารถล่องน้ำที่นครพนมได้
ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของนครพนม จังหวัดริมโขงที่รั้งตำแหน่งเมืองที่คนอยู่มีความสุขที่สุด ซึ่งเป็นจุดแข็งที่จะปลุกให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวเมืองนี้เติบโตขึ้นอีก
ภาพวิวริมโขงเมื่อมองจากนครพนม
ข้อมูลโดย : ประชาชาติ
ภาพบางส่วน : www.travel2mukdahan.com
แสดงความคิดเห็น