ทัวร์ยุโรปเดือด! ทุบราคาต่ำ 3 หมื่น แอร์ไลน์แห่ดัมพ์ราคาตั๋ว-คาดเงินสะพัด 1.8 แสนล้าน
ทัวร์เอาต์บาวนด์ไทยเที่ยวยุโรปแข่งเดือด ! เผยสายการบินแถบมิดเดิลอีสต์ "กาตาร์ แอร์เวย์ส" นำทัพลดราคาตั๋วบิน ปลุกสงครามราคา หนุนบริษัททัวร์ปั้นราคาตั๋วทัวร์ยุโรปต่ำกว่า 3 หมื่น "ทีทีเอเอ" คาดเงินสะพัดตลาดเอาต์บาวนด์ปีนี้อยู่ที่ 1.82 แสนล้านบาท เติบโต 3% ชี้คนไทยยังเที่ยวนอกแต่ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น คาดตัวเลขไทยเที่ยวนอกรวมปีนี้ทะลุ 7.5 ล้านคน ยัน "ญี่ปุ่น" ยังมาแรง แนวโน้มแตะ 1 ล้านคนนายกฤชณัฐ มีสำราญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัน สไมล์ ฮอลิเดย์ส แอนด์ แทรเวล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลเซลค้าส่งทัวร์รายใหญ่ เปิดเผยว่า ทิศทางราคาแพ็กเกจทัวร์ไทยไปยุโรปในปีนี้มีแนวโน้มถูกสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการแข่งขันของตลาดทัวร์คนไทยเที่ยวนอก (ทัวร์เอาต์บาวนด์) ดุเดือดมากทั้งในมุมของธุรกิจสายการบินและบริษัททัวร์ โดยบริษัทตั้งราคาต่ำสุดไว้ที่ 2.9 หมื่นบาทในช่วงกลางปี สำหรับแพ็กเกจทัวร์ 5 วัน 3 คืน ถูกกว่าราคาปกติ 1 หมื่นบาท หรือคิดเป็นประมาณ 30% จากที่ขายกันประมาณ 3.9-4 หมื่นบาทต่อแพ็กเกจ
ทั้งนี้เนื่องจากสายการบินลงมาเล่นเรื่องราคามากขึ้น โดยเฉพาะสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์สที่เป็นรายหลักในการดัมพ์ราคาตั๋วบินไปแล้ว ทำให้สายการบินรายใหญ่อื่น ๆ อาทิ เอมิเรตส์, อียิปต์แอร์, การบินไทย ฯลฯ ปรับลดตาม ส่งผลให้ราคาแพ็กเกจทัวร์ยุโรปปรับลดลงเฉลี่ย 25-30% ในช่วงกลางปีนี้
นายกฤชณัฐกล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่าราคาดังกล่าวจะจูงใจกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปประเทศในเอเชียบ่อยแล้ว เมื่อเห็นราคาแพ็กเกจไปยุโรปที่เหลือประมาณ 3 หมื่น จะตัดสินใจไปง่ายขึ้น ขณะที่ภาพรวมการตั้งราคาขายแพ็กเกจทัวร์ไปยุโรปในช่วงมีนาคม-พฤษภาคมนี้ บางบริษัทเสนอขาย 3.39 หมื่นบาทต่อแพ็กเกจ 6 วัน 3 คืน เช่น ในจุดหมายไปฝรั่งเศส, อัมสเตอร์ดัม และอิตาลี ยกเว้นในช่วงเดือนเมษายนที่ราคาสูงกว่านี้เล็กน้อย เพราะเป็นช่วงพีกซีซั่นของตลาดเอาต์บาวนด์
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อตลาดเอาต์บาวนด์ในปีนี้มองว่าเป็นเรื่องของภัยก่อการร้าย เพราะหากเกิดขึ้นต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางเที่ยวยุโรปของคนไทยได้ แต่หลาย ๆ สายการบินได้อัดโปรโมชั่นราคาตั๋วบินเพื่อกระตุ้นตลาดตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว เพื่อหนุนให้เกิดกระแสการเดินทางที่ดีตลอดปีนี้
นายกฤชณัฐกล่าวถึงเป้าหมายของบริษัทซัน สไมล์ฯด้วยว่า ปีนี้ตั้งเป้าขายแพ็กเกจทัวร์ให้ได้อย่างน้อย 5 หมื่นแพ็กเกจ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งขายได้ 4 หมื่นแพ็กเกจ โดยบริษัทได้จองที่นั่งสายการบินในช่วงครึ่งแรกปีนี้ไว้แล้ว 4,500 ที่นั่งสำหรับไปยุโรป และอีก 3,000 ที่นั่งไปญี่ปุ่น
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) จากไทยไปเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนจำนวน 10 เที่ยวบิน และญี่ปุ่นอีก 18 เที่ยวบินในช่วงเดือนเมษายนของปีนี้ โดยประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทย
ขณะที่นายศุภฤกษ์ ศูรางกูร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและระดับโลกเป็นปัจจัยที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะจะทำให้คนไทยมีแนวโน้มประหยัดเงินในการเดินทางมากขึ้น โดยการเติบโตในเชิงรายจ่ายหรือเม็ดเงินสะพัดของตลาดเอาต์บาวนด์ปีนี้ประเมินว่าอยู่ที่ 1.82 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 2-3% เท่านั้น ขณะที่ปริมาณคนไทยเที่ยวนอกจะเพิ่มขึ้นราว 5-7% เป็น 7.5 ล้านคนในปีนี้ สูงกว่าปีที่แล้วซึ่งคาดว่าตัวเลขปิดที่ประมาณ 7 ล้านคน
นายศุภฤกษ์กล่าวว่า จากการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัททัวร์มีแนวโน้มกำไรต่อหัวลดลงจากระดับ 10-15% มาอยู่ที่ไม่เกิน 10% บางบริษัทที่จองที่นั่งสายการบินไว้ล่วงหน้า จำเป็นต้องตัดราคาขายเท่าทุนหรือขาดทุน เพื่อระบายแพ็กเกจออกขายเมื่อถึงเวลา ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทย โดยสถิติปีที่แล้วมียอดคนไทยไปญี่ปุ่นสูงถึง 8 แสนคน และคาดว่าจะสูงถึง 1 ล้านคนในปีนี้
ขณะที่จีนปีนี้จะมีการตั้งสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวจีนในไทยแห่งแรก คาดว่าจะเห็นการโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวในจีนมากขึ้น และทำให้ยอดคนไทยไปจีนสูงขึ้นจากระดับ 5 แสนคนต่อปีในปัจจุบัน
"ส่วนเส้นทางไปยุโรปนั้นแม้จะเป็นเส้นทางมาแรง แต่ก็น่ากังวลที่ในช่วงหลังมีเหตุก่อการร้ายในหลายประเทศ เช่น ที่ตุรกียอดขายหายไปเกือบหมด เช่นเดียวกับฝรั่งเศสที่ชะลอตัวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ประกอบกับมีปัญหาจากผู้อพยพเกิดขึ้นในหลาย ๆ แห่ง เช่น ที่เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส กระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินนักท่องเที่ยว หลังเริ่มเห็นปัญหาการล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวมากขึ้น"
นายกทีทีเอเอกล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่รัฐบาลเตรียมอัดแคมเปญ "เที่ยวช่วยไทย" เพื่อกระตุ้นการเดินทางและใช้จ่ายตลาดไทยเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็นการชิงรางวัลใหญ่เงินสด 1 ล้านบาททุกเดือน และแจกบ้านและรถทุกไตรมาส เพื่อพยุงเศรษฐกิจนั้นเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ และมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อตลาดเอาต์บาวนด์ เนื่องจากเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน เพราะกลุ่มเอาต์บาวนด์อิ่มการเดินทางในประเทศแล้ว และต้องการเสาะแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในต่างประเทศเพิ่มเติม
โดยการเดินทางกับบริษัททัวร์ไปต่างประเทศ ทุกวันนี้ได้เปรียบการเดินทางไปจุดหมายในประเทศด้วยซ้ำ เนื่องจากมีการแข่งขันสูง บรรดาสายการบินเข้ามาเสนอขายตั๋วบินราคาถูก ทำให้ต้นทุนการเดินทางลดลงมาก เช่น เส้นทางยอดนิยมอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ราคาตั๋วอยู่ที่ประมาณ 3 พัน-1 หมื่นบาทเท่านั้น
ที่มา : prachachat
แสดงความคิดเห็น